1. ทันทีที่กลับถึงบ้าน ตรงไปกอดเธอเสียหนึ่งครั้ง
2. ถามคำถามดีๆ สักคำถาม ที่แสดงให้เห็นว่า คุณสนใจ ในสิ่งที่เธอ กำลังจะทำต่อไป
3. ฝึกเป็นฝ่ายรับฟัง และตั้งคำถาม
4. อย่าพยายามเสนอทางออกให้เธอ แต่ให้แสดง ความเห็นอก เห็นใจแทน
5. ให้เวลากับเธอเต็มที่ อย่างน้อยวันล่ะ 20 นาที (อย่าอ่านหนังสือ หรือสนใจเรื่องอื่นๆ ในช่วงเวลานี้)
6. ซื้อดอกไม้มาให้เธอ เพื่อทำให้เธอแปลกใจ หรือมอบให้ในวันสำคัญ
7. นัดหมายเวลาล่วงหน้าหลายๆ วัน อย่าคอยให้ถึงศุกร์ตอนกลางคืน แล้วถึงจะถามว่า เธอต้องการทำอะไร
8. ถ้าเธอทำครัวเป็นปกติ หรือถึงเวลาที่เธอต้องทำอาหารแล้ว แต่ดูเหมือนเธอกำลังยุ่งอยู่ ให้เสนอตัว ช่วยเธอทำ และปล่อยให้เธอได้พักผ่อน
9. พูดถึงการแต่งตัวของเธอ (ในทางดีๆ)
10. อยู่ข้างเธอ เวลาที่เธอไม่พอใจ
11. เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ ในตอนที่เธอกำลังอ่อนล้า
12. เผื่อเวลาสำรองไว้ ในระหว่างออกไปเที่ยว จะได้ไม่ต้องเร่งรัดเวลากับเธอ
13. เมื่อคุณต้องมาสาย โทรศัพท์บอกให้เธอรู้ทุกครั้ง
14. เมื่อเธอขอให้ช่วยอะไร ตอบตกลง หรือไม่ตกลง โดยไม่ทำให้เธอรู้สึกผิด
15. เมื่อไรก็ตาม ที่ความรู้สึกของเธอถูกทำร้าย จงแสดงความเห็นอกเห็นใจ และบอกเธอว่า "ผมเสียใจ ที่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง" หลังจากนั้นก็เงียบ ปล่อยให้เธอรู้เองว่า คุณเข้าใจ ความรู้สึกของเธอดี อย่างเสนอทางแก้ หรือคำอธิบายใด ให้เธอรู้ว่า ความรู้สึกผิดหวังของเธอ ไม่ใช่ความผิดของคุณ
16. เมื่อไรก็ตาม ที่คุณรู้สึกว่า จะต้องอยู่ห่างออกไป จงบอกเธอก่อนว่า คุณจะกลับมาใหม่ หรือไม่ก็บอกว่า คุณขอเวลา เพื่อคิดถึงเรื่องต่างๆ สักหน่อย
17. เมื่อคุณปิดตัวเอง และกลับเข้ามา ให้พูดถึงสิ่งที่กวนใจคุณ ในลักษณะที่ เคารพซึ่งกัน และกันโดยไม่พยายามโทษใคร เพื่อที่เธอ จะไม่ต้องจินตนาการ ถึงสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุด
18. เสนอตัวที่จะเป็นคนนำรถยนต์ ไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการรถให้
19. เมื่อเธอพูดกับคุณ ให้วางหนังสือลง หรือปิดโทรทัศน์ และหันมาให้ความสนใจ กับสิ่งที่เธอต้องการพูด
20. ถ้าปกติเธอเป็นคนล้างจาน ให้ช่วยเธอล้างจานเป็นครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อย
21. ถ้าสังเกตเห็นว่า เธอกำลังไม่พอใจ ให้ถามว่า เธอต้องทำอะไร แล้วเสนอตัวช่วยเธอ โดยทำบางสิ่ง ที่เธอ "ต้องทำ" ในวันนั้น
22. ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก ให้ถามเธอว่า ต้องการซื้ออะไรอีกหรือไม่ แล้วอย่าลืม ซื้อติดมือกลับมา
23. ถ้าต้องการหลับสักงีบ กรุณาบอกให้เธอรู้ก่อน
24. กอดเธออย่างน้อย วันละหนึ่งครึ่ง
25. โทรศัพท์หาเธอ จากที่ทำงาน แล้วถามเธอว่า มีเรื่องอะไรหรือไม่ หรือบอกว่า "ผมรักคุณ"
26. บอกเธอว่า "ผมรักคุณ" อย่างน้อย วันละสองสามครั้ง
27. เก็บที่นอน และทำความสะอาดห้องนอนบ้าง
28. ถ้าเธอเป็นคนซักถุงเท้า ให้คุณหลับด้านถุงเท้าไว้เลย เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำเอง
29. ถ้าสังเกตเห็นถังขยะเต็มเมื่อไร ให้นำไปทิ้ง
30. เมื่อต้องออกบ้าน ไปค้างคืนข้างนอก โทรบอกหมายเลขโทรศัพท์ ที่ติดต่อได้ ให้เธอไว้ และบอกเธอว่า คุณไปถึงอย่างปลอดภัยแล้ว
31. ล้างรถให้เธอบ้าง
32. ล้างรถของคุณ และทำความสะอาดข้างใน ก่อนที่จะออกไปมีนัดกับเธอ
33. อาบน้ำให้สะอาด ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ หรือใส่น้ำหอมกลิ่นที่เธอชอบ
34. ถ้าเธอโกรธใครมา ให้เข้าข้างเธอไว้ก่อน
35. เสนอที่จะนวดหลัง คอ หรือ เท้า ให้เธอ
36. โอบกอด หรือหอมแก้มเธอบ้าง โดยไม่จำเป็น ต้องมีเพศสัมพันธ์เสมอไป
37. อดทนฟังสิ่งที่เธอต้องการระบาย อย่ามองดูนาฬิกาเด็ดขาด
38. อย่ากดรีโมตเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปช่องอื่น ในขณะที่เธอกำลังดูอยู่
39. แสดงความรัก ให้ปรากฏออกมา ในที่สาธารณะ
40. เมื่อกุมมือของเธอ กุมให้กระชับ ด้วยความจริงใจ
41. จำเครื่องดื่ม ที่เธอชอบให้ได้ เพื่อที่จะเสนอให้เธอ เลือกสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้วว่า เธอชอบ
42. เป็นฝ่ายเลือกร้านอาหารให้เธอ อย่าปล่อยให้หน้าที่นี้ เป็นภาระของเธอ
43. หาตั๋วชมละคร ดูภาพยนต์ หรือฟังคอนเสิร์ต ที่เธอชอบ มาให้เธอ
44. หาโอกาสออกงานสังคมด้วยกันบ้าง
45. ต้องเข้าใจเรื่องที่เธอมาสาย หรือตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชุด
46. ในที่สาธารณะ ให้ความสนใจกับเธอ มากกว่าคนอื่น
47. ให้ความสำคัญกับเธอ มากกว่าคนอื่น แสดงให้คนอื่นๆ รู้ว่า เธอได้รับความเอาใจใส่ เป็นอันดับแรก
48. ซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น น้ำหอม หรือช็อกโกแลตให้เธอบ้าง
49. ซื้อเสื้อผ้าให้เธอ (โดยจำขนาดรูปร่างของเธอไว้)
50. ถ่ายรูปเธอในโอกาสพิเศษ
51. หาช่วงเวลาพิเศษสำหรับสองคน
52. แสดงให้เธอเห็นว่า คุณพกรูปของเธอ ไว้ในกระเป๋า และเปลี่ยนรูปใหม่เสมอๆ
53. เมื่อพักอยู่ในโรงแรมด้วยกัน ให้จัดหาของพิเศษ อย่างเช่น แชมเปญ หรือดอกไม้สักช่อ มอบให้เธอ
54. เขียนบันทึก หรือทำอะไรสักอย่าง ให้รู้ในวันพิเศษ อย่างเช่น ครบรอบวันแต่งงาน หรือ ครบรอบวันเกิด
55. ถ้าต้องเดินทาง เป็นระยะทางไกลๆ เสนอตัวเป็นคนขับรถเอง
56. ขับรถช้าๆ อย่างปลอดภัย ให้ความสำคัญ กับสิ่งที่เธอชอบ แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ในเบาะหน้า อย่างไม่สดชื่นนักก็ตาม
57. สังเกตความรู้สึกของเธอ และพูดออกมา เช่น "คุณดูมีความสุขดีในวันนี้" หรือ "คุณดูเหนื่อยจัง" หลังจากนั้นก็ถามว่า "วันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง?"
58. เมื่อพาเธออกไปข้างนอก ต้องวางแผนให้ดี เพื่อที่เธอจะไม่รู้สึกว่า ต้องรับผิดชอบ ในการนำทาง
59. พาเธอออกไปเต้นรำ หรือไปเรียนเต้นรำด้วยกัน
60. สร้างความประหลาดใจให้เธอ ด้วยโน้ตสั้นๆ หรือบทกวี
61. ดูแลเธอ ให้เหมือนกับตอนที่คุณ เพิ่งพบเธอในตอนแรก
62. เสนอตัว ที่จะทำการปรับปรุงบ้าน ด้วยการพูดว่า "คุณคิดว่าเราควรซ่อมแซมบ้าน ตรงไหนบ้าง เพราะตอนนี้ ผมมีเวลาว่าง?" อย่ารับงานมากเกินกว่า ที่คุณทำได้
63. เสนอตัวที่จะลับมีดในครัวให้เธอ
64. ซื้อกาวช้างมาฝาก ให้เธอเก็บไว้ใช้ซ่อมสิ่งของที่แตกหัก
65. เมื่อหลอดไฟในบ้านดวงไหนขาด ให้เปลี่ยนใหม่ทันที
66. ช่วยเธอนำขยะไปทิ้ง
67. อ่าน หรือตัดบทความในหนังสือพิมพ์ ที่คิดว่าเธอสนใจ มาเก็บไว้ให้เธอ
68. เขียนข้อความ ที่มีคนโทรมา ฝากไว้ให้เธอย่างบรรจง
69. ทุกครั้งหลังอาบน้ำ ต้องแน่ใจว่า พื้นห้องน้ำแห้ง และไม่เลอะเทอะ
70. เปิดประตูรถให้เธอ
71. ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ มาให้เธอ
72. ถือข้าวของชิ้นใหญ่ๆ แทนเธอ
73. ในระหว่างเดินทาง ต้องดูแลกระเป๋า และรับผิดชอบ ในการนำกระเป๋า ไปใส่ไว้หลังรถ
74. ถ้าเธอต้องล้างจาน ให้ช่วยเธอขัดหม้อ หรือทำงานหนักๆ แทนเธอ
75. จดรายการ "สิ่งที่ต้องทำ" ไว้เมื่อไรที่คุณว่าง ให้ทำตามรายการเหล่านั้นทันที
76. ถ้าเธอจัดเตรียมอาหารให้คุณ ให้ชื่นชมกับสิ่งที่เธอทำให้
77. ตอนที่เธอกำลังพูด ให้มองเข้าไปที่ตาของเธอ
78. ตอนที่คุณพูดกับเธอ ใช้มือสัมผัสเธอบ้าง เป็นบางครั้ง
79. ให้ความสนใจ กับสิ่งที่เธอทำในวันนั้น ในหนังสือที่เธออ่าน หรือคนที่เธอคบด้วย
80. ขณะที่ฟังเธอพูด ต้องแน่ในว่า คุณให้ความสนใจโดยส่งเสียง แสดงความรู้สึกสนใจ อย่างเช่น อา ฮ้า อู ฮู้ ออกมา
81. ถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง
82. ถ้าเธอป่วย หมั่นถามอาการเธอบ่อยๆ และถามว่า เธอกำลังทำอะไร และรู้สึกอย่างไร
83. ถ้าเธอเหนื่อย ชงชาให้เธอดื่ม
84. เตรียมพร้อมที่จะเข้านอนด้วยกัน และนอนพร้อมๆ กัน
85. หอมแก้มเธอสักครั้ง และบอกลา เมื่อต้องเดินทางไปที่อื่น
86. หัวเราะ กับเรื่องขำขัน ที่เธอเล่าให้ฟัง
87. ทุกครั้งที่เธอทำอะไรให้คุณ ให้พูดคำว่า "ขอบคุณ" ออกมาดังๆ
88. บอกให้เธอรู้ว่า คุณสังเกตเห็นว่า เธอทำผมทรงใหม่ และให้ความมั่นใจกับเธอ
89. หาช่วงเวลาพิเศษ ที่จะอยู่ด้วยกัน แบบสองต่อสอง
90. อย่ารับโทรศัพท์ ในช่วงเวลาที่ เธอต้องการคุยกับคุณ
91. หาเวลาขี่จักรยานร่วมกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
92. จัดการ และเตรียมไปปิกนิกล่วงหน้า
93. ถ้าเธอเป็นฝ่ายซักผ้า ช่วยนำไปตากให้
94. หาเวลาไปเดินเล่นด้วยกัน โดยไม่มีเด็กๆ
95. บอกให้เธอรู้ว่า คุณต้องการให้เธอ ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ และคุณต้องการ สิ่งที่คุณต้องการ เช่นกัน
96. บอให้เธอรู้ว่า คุณคิดถึงเธอ ตอนที่คุณต้องอยู่ห่างจากเธอ
97. ซื้อของหวานติดกลับมาบ้านด้วย
98. ถ้าเธอเป็นฝ่ายออกไปจ่ายตลาด อาสาที่จะเป็นฝ่ายออกไปจ่ายตลาดกับเธอ
99. รับประทานอาหารช้าๆ ในช่วงเวลาที่โรแมนติก เพื่อที่คุณ จะไม่ต้องอึดอัด หรือเหนื่อยภายหลัง
100. ถามเธอว่า มีอย่างไหน ที่เธอต้องการเพิ่มเติม จากนี้บ้าง
101. อย่าลืมปิดฝาซักโครกทุกครั้ง
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553
ไก่ชน พระนเรศวร พันธุ์เหลืองหางขาว
ประวัติไก่พระนเรศวร พันธุ์เหลืองหางขาว
tony - 28 ตุลาคม 2008
ตำนานและประวัติไก่ชนกับพระนเรศวรการตีไก่ เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในพม่า โดยเฉพาะในราชสำนักถือกันว่า การตีไก่เป็นกีฬาชาววังวันหนึ่งได้มีการตีไก่กันขึ้นระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับไก่มังชัยสิงห์ ราชนัดดา(ต่อมาได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระมหาอุปราชาในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ราชโอรสพระเจ้าบุเรงนอง กำลังกร่ำศึก) มังชัยสิงห์จึงขัดเคืองตรัสประชดประชันหยามหยันออกมา อย่างผู้ถือดีว่ามีอำนาจเหนือกว่า "ไก่เชลยตัวนี้เก่งจริงหนอ" สมเด็จพระนเรศวรสวรจึงตรัสโต้ตอบเป็นเชิงท้าอยู่ในทีว่า ไก่เชลยตัวนี้ อย่าว่าแต่จะตีกันอย่างกีฬาในวังเหมือนอย่าง วันนี้เลย ตีพนันบ้านเมืองกันก็ยังได้มังชัยสิงห์คัดเคืองมากหากแต่ตระหนักดีว่าสมเด็จพระนเรศวร เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าบุเรงนองจะพาลวิวาทก็ยำเกรงฝีมือพระนเรศวร ขณะที่ไก่ของสมเด็จพระนเรศวรกับไก่ของพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี กำลังชนกันอย่างทรหด ต่างตัวต่างเข้าจิก ตีฟาดแข้ง แทงเดือยอย่างไม่ลดละ อย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ไก่ฟาดแข้งกันอย่างอุตลุดพัลวันเมื่อทั้งสองไก่พัวพันกันอยู่พักหนึ่ง ไก่ของพระมหาอุปราชก็มีอันล้มกลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ไก่ของพระนเรศวรกระพือปีกอย่าง ทรนงและขันเสียงใส พระมหาอุปราชถึงกับสะอึก สะกดพระทัยไว้ไม่ได้จากตำราเชื่อว่าไก่ที่พระนเรศวรทรงนำไปชนกับพม่านั้น นำไปจากบ้านกร่าง เดิมเรียกว่าบ้านหัวเท ซึ้งอยู่ห่างจากเมืองพิษณุโลก ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 9 กิโลเมตร ขณะที่ชนไก่ พ.ศ. 2121 พระชันษา 23 ปี ลักษณะทั่วไปของไก่ชนพระนเรศวร เป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือ พันธุ์เหลืองหางขาว ตามตำรากล่าวว่า ไก่เหลืองหางขาวไก่เจ้าเลี้ยง ในทุกพื้นที่ที่มีการเล่นไก่ชน ไก่เหลืองหางขาวมักจะเป็นตัวเอกทุกๆ สังเวียนอยู่เสมอ หรือแทบจะเรียกได้ว่าไก่พันธุ์นี้อยู่ในความครอบครองของนักเลงไก่อยู่เสมอ ไก่เหลืองหางขาวจัดว่าเป็นไก่ที่มีสกุลและมีลักษณะเด่นมาก จากประวัติฝีมือความสามารถ ทำให้มีการพูดเสมอในวงพนันว่า ไก่เหลืองหางขาวกินเหล้าเชื่อ หมายความว่าเมื่อนำไก่สีนี้ไปตี สามารถที่จะเชื่อมั่นได้ว่า จะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอนสามารถสั่งเหล้าเงินเชื่อมากินก่อนได้เลย ไก่เหลืองหางขาวที่มีลักษณะตรงตามตำราหน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง สร้อยระย้า หน้านกยูง อกชัน หวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดยี่สิบสอง ถือเป็นไก่ชั้นเยี่ยม
เทคนิคการเล่นบาส
ประวัติวอลเลย์บอล
ตะกร้อ
ตะกร้อ : ประวัติตะกร้อ
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า "ชิงลง"
ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K'au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่
ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
ประกาศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด ประวัติตะกร้อในประเทศไทย
ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้
โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทยเรา
การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า, หนังสัตว์, หวาย, จนถึงประเภทสังเคราะห์ (พลาสติก)
ความหมาย
คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า "ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ"
วิวัฒนาการการเล่น
การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้นต่อมาเมื่อเกิดความชำนาญและหลีกหนีความจำเจ ก็คงมีการเริ่มเล่นด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลำดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกาการเล่นโดยเอื้ออำนวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ แต่คงมีความใกล้เคียงกันมากพอสมควร
ตะกร้อนั้นมีมากมายหลายประเภท เช่น - ตะกร้อข้ามตาข่าย - ตะกร้อลอดบ่วง - ตะกร้อพลิกแพลงเป็นต้น
เมื่อมีการวางกติกาและท่าทางในการเล่นอย่างลงตัวแล้วก็เริ่มมีการแข่งขันกันเกิดขึ้นในประเทศไทยตาม
ประวัติของการกีฬาตะกร้อตั้งแต่อดีตที่ได้บันทึกไว้ดังนี้
พ.ศ. 2472 กีฬาตะกร้อเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกภายในสมาคมกีฬาสยาม
พ.ศ. 2476 สมาคมกีฬาสยามประชุมจัดร่างกติกาในการแข่งขันกีฬาตะกร้อข้ามตาข่ายและเปิดให้มีการแข่งขันในประเภทประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2479 ทางการศึกษาได้มีการเผยแพร่จัดฝึกทักษะในโรงเรียนมัธยมชายและเปิดให้มีแข่งขันด้วย
พ.ศ. 2480 ได้มีการประชุมจัดทำแก้ไขร่างกฎระเบียบให้สมบูรณ์ขึ้น โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของ เจ้าพระยาจินดารักษ์ และกรมพลศึกษาก็ได้ออกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2502 มีการจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ขึ้นที่กรุงเทพฯ มีการเชิญนักตะกร้อชาวพม่ามาแสดงความสามารถในการเล่นตะกร้อพลิกแพลง
พ.ศ. 2504 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 2 ประเทศพม่าได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน นักตะกร้อของไทยก็ได้ไปร่วมแสดงโชว์การเตะตะกร้อแบบพลิกแพลงด้วย
พ.ศ. 2508 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการบรรจุการเตะตะกร้อ 3 ประเภท เข้าไว้ในการแข่งขันด้วยก็คือ
- ตะกร้อวง - ตะกร้อข้ามตาข่าย - ตะกร้อลอดบ่วง อีกทั้งมีการจัดประชุมวางแนวทางด้านกติกาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อสะดวกในการเล่นและการเข้าใจของผู้ชมในส่วนรวมอีกด้วย
พอเสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 กีฬาตะกร้อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก บทบาทของประเทศมาเลเซียก็เริ่มมีมากขึ้น จากการได้เข้าร่วมในการประชุมตั้งกฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทข้ามตาข่าย หรือที่เรียกว่า "เซปักตะกร้อ" และส่งผลให้กีฬาตะกร้อข้ามตาข่าย ได้รับการบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 จนถึงปัจุบัน
ประโยชน์และความมุ่งหมายของกีฬาตะกร้อ
ประโยชน์ ในประเทศไทย พลเมืองส่วนมากชอบที่จะดูและเล่นตะกร้อกันโดยทั่วไป แต่การที่จะเล่นให้ได้ดีต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและยาวนาน กีฬาตะกร้อเป็นกีฬาที่สนุกสนานต่อเนื่องเล่นได้ไม่จำกัด เพียงแต่เราฝึกหัดเบื้องต้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถเล่นกีฬาตะกร้อได้แล้ว ราคาของอุปกรณ์ที่ถูกและทนทานใช้สถานที่ในการเล่นน้อย มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น - ช่วยให้ประสาททุกส่วนว่องไวและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น - ช่วยในการทรงตัว - ช่วยด้านจิตใจ สุขุม รู้แพ้รู้ชนะ การให้อภัย - ลดความเครียด - ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ความมุ่งหมาย กีฬาตะกร้อนั้นอาจจะสรุปความมุ่งหมายในธรรมชาติของกีฬาตะกร้อได้อย่างกว้างๆดังนี้คือ - เล่นง่าย คือเล่นสนุกสนานแต่ถ้าเล่นให้ได้ดีก็ควรต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ - ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ในการเล่น - ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์และเวลาในการเล่น - ทำให้เกิดการตื่นตัว - ทำให้จิตใจสุขุมเยือกเย็น - มีระบบในการตัดสินใจรวดเร็วและถูกต้อง - ทำให้มีระบบประสาททางความคิดดี - มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงไร้โรคภัยต่างๆ - ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน - ทำให้เกิดความสามัคคีทั้งในหมู่คณะและส่วนรวม - ทำให้รู้จักการรวมกลุ่มในสังคม การเข้าสังคม - รู้จักการสร้างความปลอดภัยในการเล่น - ใช้เป็นแนวทางในการเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ฟุตบอล - สามารถใช้เป็นแนวทางในการถ่ายทอดศิลปะและอนุรักษ์ศิลปะประจำชาติได้อีกด้วย
ความหมาย
วิวัฒนาการการเล่น
ประวัติของการกีฬาตะกร้อตั้งแต่อดีตที่ได้บันทึกไว้ดังนี้
ประโยชน์และความมุ่งหมายของกีฬาตะกร้อ
ประโยชน์
ความมุ่งหมาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)